นาย ปัถย์ อินทรทูต (แบงค์)

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

[Resort Review] ขับรถไปอังกฤษ "ตอนที่ 2" ดื่มด่ำกับค่ำคืนเสมือนอยู่แดนผู้ดี+มื้อเช้า hash brown และไข่กระทะของฉัน!! [Thames Valley Khao Yai]

ถ้ายังไม่อ่านตอนที่ 1 แนะนำว่าให้เลื่อนลงไปอ่านก่อน

หรือคลิ๊กที่นี่เพื่ออ่านตอนที่ 1 http://beautifulsideofme.blogspot.com/2014/10/blog-post.html

......................

Continue

หลังจากที่อิ่มหนำกับอาหารอังกฤษ ก็ขอเดินย่อยสักนิด ...

หน้าตาของร้านอาหารในยามเย็น
ที่เห็นเหมือนปราสาท ราชวังนี่คือหน้าตาของร้านอาหาร  The Castle
และเรือนชากาแฟที่ผมเพิ่งเดินไปรับประทานมา เหมือนพระราชวังแวร์ซายส์ในปารีสเลย

หลังจากนี้จะเป็นการเดินเล่นในช่วงกลางคืนของที่นี่ และ รวมไปถึงเช้าของวันต่อไปที่ผมแหกขี้ตาตื่น 6 โมงเพื่อที่จะมาเดินรับบรรยากาศดีๆของธรรมชาติที่นี่ ทำไมผมชอบเล่าข้ามตอนนะ เอาปัจจุบันก่อน ตอนนี้ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ไฟทั้งรีสอร์ทเปิดทั่วไปหมด และ อากาศที่วัดจากอุณหภูมิผิวกายและโทรศัพท์มือถือขึ้นประมาณ 24-25 องศา อืม ไม่เลวเลยแฮะ กับเดือนตุลาคม ถ้ามาในเดือนพฤษจิกายนหรือธนวามี 20 องศาแน่ๆ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้เลยคือ สมองเรา relax ขึ้นได้จริง.....

นั้คือมุมมองจากหน้าต่าง และ ระเบียงห้องผม
ถ้าเป็นห้อง Suite ที่ดีที่สุดของที่นี่ จะสามารถเห็นเป็นทางยาวกว่านี้มาก
เพราะที่ตั้งของห้องพักผม ตั้งอยู่กลางๆ เลยเห็นแค่นี้

ที่เห็นสปอตไลท์สีฟ้าๆ คือเค้ามีงานกันนะครับ ที่นี่มีบริเวณจัดงานอยู่ด้านหน้าด้วย
เช่น การมาสัมมนา พักผ่อนกับบริษัท ก็มีพื้นที่กลางแจ้งให้จัด Buffet ทานกันด้วย
เผอิญลืมของไว้ที่รถ เลยเดินมาบริเวณลานจอดรถ
จะเจอกับน้ำพุหน้าประตูทางเข้าโรงแรม เป็นประติมากรรมแรกที่คุณจะเห็นจากถนน
ถ้าสังเกต ประตูจะมีที่กั้นขวางอยู่ตลอดทั้งเข้า-ออก

ตอนผมขับรถเข้ามาก็ต้องเปิดกระจกก่อน เรียกว่ารถมั่วเข้ามาไม่ได้เลยสักคันส่วนตัวมากๆ


บางรูปผมก็เดินไปถ่ายไป เบลอๆบ้าง แต่อากาศตอนนี้ดีมากจริงๆ คงเป็นเพราะอยู่บนเขาด้วย และยังมีต้นไม้เยอะมาก อีกทั้งน้ำที่ใหลผ่านทั่วบริเวณที่พัก ที่เห็นเหมือนเป็นน้ำจากธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วเค้ามีเครื่องบำบัดน้ำเสียติดตั้งอยู่ในที่ลับตาคนครับ เผอิญผมเป็นคนที่ชอบเดิน เดินทั่วมากจนเจอ เรียกได้ว่า artificial Thames river นี้ถึงปลอม แต่ก็สวยมากๆครับ
ถ้าสังเกตดีๆ รูปนี้จะเห็นดาวด้วยนะ (ลองกดที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่)
แต่ noise เยอะมากเลยเพราะไม่ได้ใช้ขาตั้ง
ใช้มือสั่นๆของเรานี่แหละ ลั่นชัตเตอร์ไปทั่ว
เดินกลับห้องพัก

ที่นี่มีป้ายบอกทางสีขาวไสตล์อังกฤษอยู่เต็มไปหมด

เอาล่ะ ถึงเวลาพักผ่อนกันเสียที เดินกลับเข้าห้องพักแล้วก็ว่าจะอาบน้ำให้สดชื่นสักหน่อย
ว่าแล้วก็ขอแชะภาพห้องน้ำที่นี่มาให้ดู ออกแนวน่ารักๆ เป็นส่วนตัว น้ำยังใหลค่อยๆ น้ำไม่ใหลซู่ซ่าเข้าหน้าเหมือนรีสอร์ทที่อื่นๆที่ผมเคยพัก ผมว่าเค้าใส่ใจเลยแหละ ขนาดเรนชาวเวอร์ยังรู้สึกเลยว่ามันใหลพอดีๆ แต่ถ้าอยากจะอาบน้ำแบบสะใจ (เป็นยังไงวะเนี่ย) คุณคงอาจจะไม่ชอบ

การตกแต่งห้องน้ำอบอุ่นดีครับ กล่องใส่ทิชชู่ยังทำจากไม้โอ๊คเลย
ที่ไม่ค่อยชอบอย่างนึงคือประตู เออ มันก็สวยดีตามไสตล์ผู้ดีหรอก แต่ว่าเสียงปิดมันนี่ดังมาก เข้าล๊อคทีตึง ตึง ซึ่งคุณจะได้ยินของห้องอื่นเหมือนกัน เวลาเปิดประตู อาจจะมีรำคาญเล็กน้อย




อาบน้ำเสร็จก็ขอตัวนอนเอาแรงก่อนละ ใช้มือถือกับไม้เซลฟี่คูลๆ ถ่ายรูปตัวเองซะหน่อย
555555

วันถัดมา ผมตื่นเช้ามาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพราะอยากจะสัมผัสอากาศบนภูเขาในช่วงเช้าๆ แต่พอเข้าห้องน้ำก็พบว่าตัวเองอึไม่ออก.........

หน้าสดกันเลยทีเดียว แต่ออกแนวสดใส ^_^

เลยกว่าจะออกมาทาน American Breakfast ได้ก็ 7 โมงครึ่ง
 สาเหตุก็เพราะว่า ชา กับ กาแฟเมื่อวานนี่แหละ 
ที่ทำเอาท้องไส้ผมผิดแปลกไป เลยไม่อ่งไม่อึมันละ 
มุ่งหน้าไปกินอาหารเช้า นม น้ำผลไม้ ดีกว่า...............

บรรยากาศจากโต๊ะที่ผมนั่ง ไม่ได้ยืนเขย่งถ่าย ทำมุมอะไรเลย
นี่คือนั่งถ่ายเล่นๆจากโต๊ะทานข้าวเลย อากาศดีมากครับ

เมนูที่ผมชอบที่สุด คงเป็นไข่กระทะ ที่เครื่องจัดเต็มจริงๆ

ที่นี่เมนูอาหารแต่ละวันเปลี่ยนนิดๆหน่อยๆ ถ้าพักซ้ำกันหลายๆวันอาจจะเบื่อได้ บางเมนูแบบเดียวกัน เช่นสปาเก๊ตตี้เส้นแบน แต่เช้าอีกวันนึงเปลี่ยนไปใช่เส้นแบบอื่น อาหารที่มีก็เพียงพอกับประชากรของที่นี่ ไม่ว่าพนักงานบริษัทจะมาพัก กันเป็นคณะ แต่ก็ยังดูไม่อึดอัด มีทั้งนั่งภายในร้านอาหารและนอกอาหารรับลมหนาวแบบที่ผมนั่งอยู่ ซึ่งแนะนำเลยว่าถ้ามีโต๊ะ พยายามตื่นเช้าอย่าให้เกิน 8 โมงมานั่งที่นี่จะแฮปปี้มาก ทั้งบรรยากาศ อาหารที่ทำใหม่ สด .........

ในใจคิด นม + น้ำส้ม นี่กลับห้องไปต้องอึแน่
หลังจากอิ่มเอมกับอาหารเช้าแบบ American Breakfast ปน British ซึ่งแปลกนะ ทุกอย่างมันเป็นบริติชหมดแต่อาหารเช้าดันเป็นแบบมะกัน คงเป็นเพราะหาง่ายกว่ากับวัตถุดิบ (แต่ผมว่ามันก็คล้ายๆกันแหละ) ที่ผมคิดไว้นึกว่าจะมีซุปหลายๆแบบ ไก่อบ, ขนมปังหวาน (sweet roll), porridge (คล้ายๆโจ๊คของอังกฤษ) แต่ก็ถือว่าครบเครื่องอาหารยุโรปอยู่นะ เพราะมี hash brown ของโปรดผมอยู่ด้วย อร่อยมากกกกกกกกกกกก จะเป็นลมแล้วจ้าาาาาา baked bean ก็มีครับ จะว่าไปมันก็บริติชแฮะ (เอาเป็นว่าก็กินไปเถอะ ของอร่อยทั้งน้าน) 


ใครที่สงสัยว่าชาวยุโรปเค้าทานอาหารกันอย่างไร เป็นคอร์สไม่ใช่เหรอ
ลองศึกษาดูจากเวปไซต์นี้ครับ

เพราะจริงๆแล้วอังกฤษแท้ๆ เขาทานกัน 6 มื้อเลยครับ ช่างเป็นประเทศที่เข้ากับเราจริงๆ

..........................................






อื่มตื้อมากอะ จริงๆผมก็ทานกาแฟตอน having breakfast นะ

แต่กลับมาห้องเจอบรรยากาศแบบนี้ เปิดหน้าต่างรับลม

ชงกาแฟอีกดีกว่า (อึไม่ออกแล้วยังไม่เจียม)

กาแฟหอมกรุ่นจากเครื่องชงกาแฟภายในห้อง

เมื่อมองออกไปก็จะเจอบรรยากาศที่ฟิลกู๊ด สงบ เงียบ
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จก็เลยออกมาเดินเล่นสักหน่อย เพื่อรับวิตามินจากแดด
 เก็บภาพสวยๆไว้เป็นที่ระลึก สักนิดหน่อย ...

















รูปข้างบนนี่ผมไม่ได้แต่งอะไรเลยนะ ยกเว้นภาพดอกไม้ จะเห็นได้ว่าจะถ่ายภาพสวย สถานที่ก็มีส่วน!! (ยกมาจากตอนที่ 1) ผมว่าเค้าใส่ใจบรรยากาศมากๆเลยนะ ขนาดหลังบ้านพักอะ ซึ่งจริงๆไม่จำเป็นจะต้องมีอะไรก็ได้ แต่ก็ยังเป็นคูน้ำใหลรอบๆ และยังมีกำแพงกั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวอีก เหมาะกับการมาพักผ่อนเป็นที่สุดอะ คูลมาก ยกนิ้วให้


To Be Continue ...

ตอนที่ 3: ตะลุยอิตาลี (ปาลิโอ) 


[Resort Review] ขับรถไปอังกฤษ...อะไรนะ??!! ได้ยินไม่ผิด อังกฤษในแดนสยามประเทศ :) [Thames Valley Khao Yai]

ออกตัวไว้ก่อนเลยว่า...ปกติเขียนรีวิวสถานที่เที่ยวไม่บ่อยครั้งนัก...

(ถ้าค้นดูในบล๊อคจะเห็นว่าเขียนแค่ไม่กี่ที่ แต่ยาวโคตร)

จะเขียนก็ต่อเมื่อเกิดหรือมีความประทับใจในสถานที่นั้นจริงๆ ถึงจะเขียนเล่าออกมาได้ เพราะ เราค่อนข้างมีจรรยาบรรณพอสมควรกับผู้อ่าน (ใครเค้าอ่านที่แกเขียนวะ) ครั้งนี้ได้มาเยือน Thames Valley Khao Yai ซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูหนาวพอดี


การเขียนบล๊อคคราวนี้เริ่มจากการที่ผู้เขียนว่างและอยากจะเดินทาง(ใกล้ๆ)ประหยัดงบประมาณ และ ตั้งโจทย์เอาไว้ว่าจะต้องถ่ายรูปออกมาสวย อืม......(ฉันว่ามันอยู่ที่ฝีมือคนนะแก) ซึ่งสถานที่ๆอยากไปก็มีไม่น้อย อันที่จริงตั้งใจจะไปเกาหลีเดือนธันวานี้ เป็นช่วงที่โคตรหนาวของที่นั่น แต่ไปๆมาๆ ทนที่บ้านไม่ไหว ขับรถหนีออกมาเลย (ก็ไม่ขนาดนั้น) เอาเป็นว่ามาเที่ยวอังกฤษกันเถอะ ด้วยระยะทาง ประมาณ 250 กิโลเมตร จาก กรุงเทพ.......

นี่คือหน้าตาของ Front หรือ Lobby ของที่นี่ ขอลงเป็นกลางคืนแล้วกัน

 เพราะชอบตอนที่ไฟมันส่อง Hedge Maze (ไอ้พุ่มไม้ที่ดัดเป็นทางเขาวงกตนั่นน่ะ)
 เหมือนผมกำลังจะโดดเข้าโลกของMaze Runner ยังไงยังงั้น....

สำหรับคนที่ตั้งใจจะอ่านจริงๆ ขอโทษไว้ตรงนี้เลยว่าบางรูปถ่ายด้วยกล้องมือถือ Xperia ง่อยๆที่ฝาครอบกระจกเลนส์เป็นรอย(เยอะสรัส)อาจจะไม่สวยเท่าที่ควร

เมื่อ Check In เสร็จเรียบร้อย เดี๋ยวๆเร็วไปหรือเปล่ายังไม่บอกเลยว่าอยู่แถวไหนอะไรยังไง เอาง่ายๆ ถ้าคุณมา ปาลิโอได้ ก็สามารถมาที่นี่ได้ เพราะอยู่ในละแวกเดียวกัน ซึ่งมีโรงแรม รีสอร์ทตั้งอยู่ประมาณ 389 แห่ง (โม้ คือแค่จะบอกว่าโคตรเยอะ แถวนั้นซอยนึงป้ายประมาณ 10 กว่าที่ นึกออกมั้ยเวลาขับรถผ่านนี่ต้องอ่านเร็วกว่ารถวิ่งอะ จะจอดชลอก็ยากถนนบนเขามีเลนเดียว) ซึ่งเอาเป็นว่ามันอยู่ฝั่งตรงข้ามปาลิโอ ไม่ไกลนัก .....

เมื่อเช็คอิน เรียบร้อย เราก็สามารถเข้าสู่ที่นี่ได้

ประตูนี้เปรียบเสมือนทางเข้าหมู่บ้านเล็กๆในทางตอนใต้ของอังกฤษ
ที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน เรียกว่าไม่ถึง 8-9 เดือนเลยล่ะ ไม่ถึงปีนั่นแหละ เอ้อ พอแล้ว เอาเป็นว่าการตกแต่งเมื่อเข้ามาถึงนั้น เรียกรอยยิ้มได้เลย เปล่ามันไม่ได้ตลก แต่เพราะว่ามันสวยมากจนต้องเผลอยิ้มออกมา

เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้ว จะพบกับบรรยากาศที่สร้างเลียนแบบมาจากอังกฤษ ทั้งต้นไม้ ดอกไม้ ของที่นี่ ให้บรรยากาศเหมือนต่างประเทศเด๊ะ!! ไม่ได้โกหก ไม่เชื่อลองดูรูปก็แล้วกัน...........

ต้นนี้สงสัยมากว่าต้นอะไร จนต้องถาม Gardener ที่อยู่แถวนั้น จึงได้คำตอบว่าเค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน
 เอ้า! รู้แค่ว่ามาจากอินเดีย
ต้นไม้บวกกับสถาปัตยกรรมแบบหมู่บ้านทางตอนใต้ของอังกฤษ

และมีน้ำรอบๆลึกประมาณ 2 เมตร เพราะผู้เขียนดำไปดูมา

*ป้ายเค้าบอก ต่างหาก*
ซึ่งตรงนี้ผมอ่านจากเวปไซต์เขาบอกว่า ได้รับแรงบันดาลใจ อยากให้เสมือนว่าน้ำมันใหลมาจาก
แม่น้ำ Thames อะไรแบบนั้น..... 

จริงๆการที่มีน้ำใหลผ่านที่พักแบบนี้มันให้อารมณ์พักผ่อนดีจริงๆนะ เสียงน้ำใหล กับ สวนดอกไม้นานาพันธ์ที่ดูแลดีมากจริงๆ นี่ยังไม่นับเรือน กาแฟและชาที่เปิดให้บริการช่วง tea time (10 โมงครึ่ง เป็นต้นไป) คิดแล้วมันฟินจริงๆ ก่อนจะไปไกลกว่านี้ ขอเข้าห้องพักก่อนแล้วกันครับ


ห้องพักที่นี่ ที่ผมเลือกเป็นแบบ Deluxe Pond ราคาประมาณ 6,000 บาท
ซึ่งถ้ามาวันธรรมดาจะแค่ประมาณ 5,000 บาท

ตัวห้องพักนั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย แต่แฝงไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์อังกฤษอยู่ทุกอณู ที่ผมชอบที่สุดคงเป็นมุมชงชาและกาแฟ พูดถึงอังกฤษก็ต้อง ชา แน่นอน ซึ่งทางโรงแรมก็เตรียมไว้ในห้องฟรีทุกอย่าง (เพราะรวมกับค่าห้องไปแล้วไง พูดให้ดูดี) แถมยังมีเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ซึ่งชงกาแฟได้ง่ายโคตรรรร หอมมากกก ยังกับมีสตาร์บั๊คอยู่บนห้อง............

ก่อนอื่นก็ชงชาแลย

ทุกอย่างที่นี่เรียบง่าย แต่ดูมีศิลปะนะ แค่วางหุ่น puppet เท่ๆสักตัวก็เก๋แล้วอะ

ในห้องมีพู่กัน ดินสอ ไว้ให้วาดภาพด้วย ถ้ามีอารมณ์ติสก็จัดเลย
มี Smart TV ด้วยนะ เอ้อ....แต่ผมไม่ค่อยได้เปิดใช้เท่าไหร่

มาพักผ่อนไม่ค่อยชอบดูทีวี
ไฮไลท์จริงๆ ของห้องนี้อยู่ที่บ่อริมระเบียง ซึ่งมองออกไปจะเห็นทัศนียภาพของที่นี่ แต่ผมกลับรู้สึกว่า มันธรรมดาไปว่ะ ถ้าเป็นจากุซซี่จะเจ๋งกว่านี้ แต่นี่เป็นแค่บ่อธรรมดา ในระเบียงอันแสนแคบ....
เนี่ย DELUXE POND (เอามือทาบอก) เนี่ย เนี่ย

OK, let's see at the bright side ก็คือเค้าอาจจะอยากให้มันคลาสสิค ไม่อยากให้มีเทคโนโลยีเยอะนักแบบ
จากุซซี่ปุ่มเยอะๆแยะๆ...แต่ในห้องนอนนี่สมาร์ททีวีนะ ดีกว่าบ้านกูอีก 

ขนมพร้อม ชาพร้อม ก็โดดลงเลยจ้า

**คำเตือน**

Deluxe Pond นี่ใช้เวลาเปิดน้ำจนเต็มบ่อประมาณ 2 ชั่วโมงจ้า ต้องเผื่อเวลานะจ้า
พนักงานยิ้มหวานตอนอธิบายห้องให้ผมฟัง ลืมพูดถึงเรื่องการบริการที่นี่เลย
พนักงานที่นี่ยิ้มเยอะ ไม่ว่าผมจะทำอะไรยิ้มให้ตลอด เอ้อดีนะ ผมชอบ มันแบบไม่เกร็งดีอะยิ้มมาผมก็ยิ้มตอบ ชอบการบริการที่นี่มากๆ ยังไม่เจออะไรที่เป็นปัญหาตลอดการพักของผม

กลับเข้าเรื่องกาแฟสักนิด ยังอธิบายไม่หมด...


ไม่รู้ดูได้ไหม ผมถ่ายวีดีโอไว้บน Instagram

เนี่ยที่ผมถืออยู่เนี่ย คือต้นขั้วกาแฟ

ไม่รู้เรียกว่าอะไร แต่มันคือกาแฟสด สำเร็จรูป
 ซึ่งเราต้องใส่มันไปทั้งอันแบบนี้เลย
รูปร่างเหมือนปีโป้
หน้าตาของกาแฟสดๆที่เพิ่งออกมาจากเครื่องครับ หอม อร่อย
เหมือนสั่งในร้านบนห้างแก้วละ 100 กว่าบาท

มาดูมุมอื่นๆของห้องกันบ้าง ห้องนี้มีจุดเด่นที่ผมชอบอีกอย่างคือที่นั่งจิบชา/กาแฟ เป็นมุมเล็กๆในห้องที่เก๋ดี ผมว่านะ นั่งได้สองคนและมีโต๊ะเล็กๆไว้สำหรับวางถ้วยกาแฟ น่ารักมากๆ
ชอบนะ ไอเดียนี้น่าเอามาทำที่บ้านบ้าง กับการเจาะผนังแล้วเอาโคมไฟวาง

มุมกว้างๆของห้องครับ

ผมนั่งๆนอนๆจนค่ำ ตอนนี้ท้องผมหิวแล้วครับ ตอนแรกว่าจะไม่ทานที่นี่ แต่สุดท้ายก็ลงเอย...ร้านอาหารของที่นี่ใหญ่ดีครับ หมายถึงนั่งสบาย มีโต๊ะเยอะ บรรยากาศใช้ได้ แต่งแบบอังกฤษจ๋าเลยแหละทั้งรูปภาพพาสเทล ผนังขาวๆ กับตู้โชว์สีขาวที่เต็มไปด้วยหนังสือ เชิงเทียนสีขาว และทุกอย่างสีขาวที่แม่งจะหาได้

ป้ายหน้าร้านครับ
โต๊ะอาหาร และ โซฟานิ่มๆ จัดวางได้อย่างอบอุ่นแบบ English Style
คือลงเอยที่นี่จริงๆเพราะว่าตอนนั้น แม่งหิวมาก หิวแบบขับรถไปหาร้านข้างนอกไม่ไหวแล้ว แต่ก็ต้อง Surprise กับเมนูอาหารที่หลากหลาย และที่ตะลึงกว่านั้นคือบริกรที่นี่แนะนำไวน์ได้เก่งมาก ที่นี่ไวน์เยอะมาก เรียกว่าเมนูไวน์เยอะกว่าเมนูกับข้าว มีตั้งแต่ขวดละพันกว่าบ้านจนถึง 5 พันกว่าบาท......แต่ไม่ได้กินหรอกนะ คืนนั้นดื่ม Paulaner Dunkel เบียร์ดำ ขวดละไม่แพง 350 บาท น่าจะเข้ากับลิ้นผู้เขียนกว่า

มาที่อาหารกันบ้าง หลายเมนูมากๆ (ไม่ได้ถ่ายมา แต่สั่งเยอะจนบริกรหลายคนตะลึงงัน ว่าจะกินหมดหลอเพ่) เมนูนั้นก็มีอาหารผู้ดีไสตล์อังกฤษ ยัน อาหารอเมริกันชน และรวมถึงอาหารไทยด้วย (จะอยู่หน้าหลังๆเลย).....ผู้เขียนเองได้สั่ง ดังนี้ 

fish and chips พร้อมเครื่องเคียง แบบจัดเต็ม
เมนูนี้เค้าเขียน*ไว้ด้วยว่า นี่คือฟิชแอนด์ชิฟ ซึ่งเป็นสูตรที่ถูกตกทอดมากจากประเทศอังกฤษ 100%
สูตรดั้งเดิมที่นั่งเครื่องบินมาจาก England เพื่อมาอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ
 (จริงๆแม่งเขียนอะไรไม่รู้ยาวมาก ลืม แต่ประมาณนี้แหละ)

ไก่กรอบ แกงเขียวหวาน
ไม่รู้เป็นอะไร นี่เป็นเมนูที่ KFC ควรเอากลับมาทำมากที่สุด
 และเป็นเมนูโปรดตลอดกาลของผม

ซีซาร์สลัด แบบ อังกฤษ (100% อีกแล้วครับท่าน)
ระหว่างที่อยู่ที่ The Castle เนี่ยคุณจะได้ยินเพลงคลาสสิคของอังกฤษเปิดคลออยู่ตลอดเวลาระหว่างเวลาทานข้าว ซึ่งก็เป็นเพลงเบาๆ ไม่ใช่บริทป๊อปแต่อย่างใด อาจจะเป็นสุนทราภรณ์ของอังกฤษ อารมณ์มันประมาณนั้นเลยอะ

เดี๋ยวมาเขียนต่อ ลืมไปแล้วว่าสั่งอะไรไปบ้าง เมาอังกฤษ นี่พูดเลย......

จบตอนที่ 1 แล้ว อยากขอโทษนิดนึงตรงที่กลับไปอ่านแล้วดูไม่ปะติดปะต่อเท่าไหร่

เพราะว่าอารมณ์เหมือนอยากเล่าอะไรก็เล่า นึกอะไรได้ก็ใส่เลย ไม่ว่ากันนะ

แต่ ยังไม่จบ เดี๋ยวเจอกันใหม่ตอนที่ 2 ครับ ...

To be Continue ...

ตอนที่ 2 คลิ๊กที่ Link:

 ดื่มด่ำกับค่ำคืนเสมือนอยู่แดนผู้ดี+มื้อเช้า hash brown และไข่กระทะของฉัน!!