นาย ปัถย์ อินทรทูต (แบงค์)

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

[Car Review] BMW E39 ตอนที่ 2: The Body

ต่อครับ Review E39 ตอนที่ 2...

คราวนี้มาพูดถึง Chassis หรือโครงสร้างตัวถังรถกันบ้าง


Welcome E39!!
รุปด้านบนสามารถอธิบายความสูงของรถได้ครับ ว่า E39 ไม่ใช่รถที่หลังคาสูงอะไร คือเน้นความกว้างสบายมากกว่า และตัวถังนั้นยาวจริงๆครับ เมื่อเทียบกับอัลติสข้างๆกลายเป็น เล็กไปเลย...


บั้นท้ายสุด Sexy

ยามค่ำคืน 
E39 เป็นรถที่โครงสร้างได้รับการออกแบบและพัฒนามาจากรุ่นพี่อย่าง BMW Series 7 อย่าง E38 ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ฟิลลิ่งการขับขี่และช่วงล่างนั้นจะมีความรู้สึกใกล้เคียงกับซีรี่ย์ 7 มากๆ นับเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดมาก ที่แค่ลดขนาดของ Chassis แถมการขับขี่ยังดีขึ้นมากๆจากซีรี่ย์ 5 ตัวก่อนอย่าง E34 นี่ยังไม่ได้พูดถึงระบบเซนเซอร์ต่างๆมากมายใน E39 ที่มีนับไม่ถ้วน ด้วยการประมวลผลทุกเสี้ยววินาทีจากช่วงล่างขณะนั้น, อาศาพวงมาลัย, ความดันเบรคที่ผู้ใช้กดเบรคส่งไปยังหม้อลมปั๊มเบรคถึง 2 ชั้น, Ground sensor, ความเร็วของรถ หรือ สภาพของรถขณะนั้นว่าล้อไหนควรจะเบรค เซนเซอร์เหล่านี้ทำได้แม้กระทั่ง หยุดล้อใดล้อหนึ่งเพื่อให้ล้อที่เหลือสมดุลย์และรอดพ้นจากอุบัติเหตุ เทคโนโลยี DSC/ASC+T เป็นออฟชั่นในปีใหม่ๆซึ่งในตัวก่อนปี 2001 นั้นไม่มีครับ (ถ้าจำไม่ผิด)

E38 ซีรี่ย์ 7 รุ่นพี่ของ E39

เทคโนโลยีที่ซ่อนอยู่มากมายใน BMW E39 และรุ่นต่อๆมา
คุณแม่ผมกับ E39
ลองคิดดูสิครับ ขนาดแม่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องรถ
ยังคิดว่า E39 เป็นรถที่สวยไร้ที่ติมากๆ

ไฟหน้าของ E39 นั้นเริ่มเป็น Angel's Eyes ตั้งแต่ปี 2001 ซึ่งเหมือน BMW จะเป็นผู้นำไฟซีนอนและ LED มาก่อนหลายสิบปีที่เค้าจะมาฮิตๆกันตอนนี้ซะอีก....อ่อ อีกอย่างที่ผมชอบคือ เมื่อเวลาไฟต่างๆขาด ไม่ว่าจะเป็นไฟหรี่ ไฟสูง ไฟทะเบียน ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ทุกๆไฟในรถ มันจะขึ้นเตือนที่หน้าจอ on board ซึ่งผมว่าดีมากๆ ความอัจฉริยะของมันไม่ได้มีแค่นี้ ยังมีอีกเช่น เมื่อไฟหรี่ขาด มันจะเชื่อมไฟจากแบตไปเปิดไฟเลี้ยวและเลี้ยงไฟเลี้ยวให้เปิดไว้แทนไฟหรี่ตลอดแทนไฟหรี่ โอ้โห......

- ไฟหน้าพร้อมฟังชั่นปรับระดับสูงต่ำได้ภายในรถ
- ระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติโดยการวัดแสงภายนอก

ขอพักไว้ก่อน เด๋วมาต่อครับ 

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

[Car Review] BMW E39 ตอนที่1: Interior

เพิ่งได้ BMW E39 มาหมาดๆเลยอยากจะเขียนรีวิวสักนิด...

อาจจะออกแนวเขียนเพื่อบันทึกความประทับใจแรกซะมากกว่า

และนี่คือ My First Impressions for E39

ท้าวความสักนิด..ย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายปีที่แล้ว E39 นั้นเริ่มผลิตโมเดลแรกเมื่อปี 1995 ซึ่งผลิตจนกระทั่งปี 2003 (แต่รถที่ผมได้มานั้นปี 2004 ซึ่งอาจจะเป็นรถล๊อตสุดท้ายที่ขายของโฉมE39) E39 ของผมจึงใหม่อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเอาไปจอดเทียบรถป้ายแดง ยังคิดว่าปีพอๆกันเลยครับ ถ้าไม่รู้ว่ามันคือซีรี่ย์ 5 ที่ตกรุ่นไปแล้วและมี E60 และ F10 เข้ามาแทนที่ แต่ถึงกระนั้น ความเป็น BMW นั้นอยู่ใน E39 มากกว่ารุ่นอื่นๆทั้งหมด แบบที่ฝรั่งหลายๆคนตามฟอรั่มรถ หรือ เซียนรถทั้งหลายพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า E39 คือ


 "The Best BMW that ever made" 


คือเป็นที่สุดของซีรี่ย์ 5 เพราะอะไร? เพราะตัวถังในปัจจุบันและการใช้งานของ E60+F10 นั้นออกจะเป็นดิจิตอลและไฮเทค ทุกๆอย่างจะต้องผ่าน iDrive (เทคโนโลยีล้ำสมัยของบีเอมซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางข้อมูลและฟังชั่นของรถ) ซึ่งตอน E39 นั้นเทคโนโลยีนั้นค่อนข้างดีแล้ว และให้อารมณ์ Driver Car มากกว่า ส่วนซีรี่ย์ 5 ใหม่นั้นเวลาคุณจะนั่งขับ คุณต้องกดปรับอะไรต่อมิอะไรมากก่อนที่คุณจะขับมันได้ ผิดกับ E39 ที่ไม่มีอะไรยุ่งยากมากเกินไป :)

ผมขอเริ่มต้นด้วยภาพคร่าวๆก่อนแล้วกัน และ จะมาอัพเดทเจาะลึกในแต่ละอย่างเรื่อยๆครับ......

ภาพนี้ แสดงให้เห็นว่า ภายในของ BMW E39 ค่อนข้างเอียงไปทางด้านคนขับครับ
ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในสมัยนั้นของ BMW เลยครับ

เบาะหนังสีเบจ (แต่ผมเลือกสีครีม)
 กับแผงคอนโซลที่ให้ลายไม้มาเยอะมาก
เมื่อเทียบกับรถสมัยนี้ครับ

ในภาพรุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นย่อย Executive แบบเดียวกับที่บ้านผม
ซึ่งลายล้อแม๊กซ์นั้นสวยมากๆ
 (และในรูปไฟเลี้ยวยังเป็นสีส้ม ซึ่งในปีผม 2004 นั้นเป็นสีขาวแล้ว)

ไฟท้ายแดงตัดกับไฟเลี้ยวสีขาว สวยงาม

Angel's Eyes คือชื่อของมันครับ
เพราะด้วยตาที่สวยเหมือนนางฟ้าและเทพบุตร

ดูโบรชัวร์กันไปพอสมควรแล้ว ตอนนี้ถึงคราวรูปที่ถ่ายจากรถผม ซึ่งเป็นปี 2004 และรุปเหล่านี้ถ่ายเดือน กันยายน ปี 2013 นะครับ แล้วคุณจะตกใจว่า ทำไมสภาพมันถึงได้ใหม่เพียงนี้....เป็นเรื่องขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของ BMW เค้าละครับ เรื่องความคงทน รวมไปถึงเครื่องและเกียร์ที่ทนมาก เริ่มจากเบาะครับ...

เป็นเบาะที่ถ้าเดินทางไกล ผมว่าเหมาะมากๆ

อย่างที่เห็นครับ สะอาด และยังคงคุณภาพดีอยู่ BMW มักจะพิถีพิถันการเลือกสิ่งต่างๆในรถ
เช่นการบุต่างๆในตัวรถ ส่วนใหญ่ก็จะเป็น Soft Touch ครับ คือ จะนุ่มแทบทุกอย่าง

แต่ที่สภาพเน่าๆก็เยอะมากครับ ผมหาคันนี้อยู่เป็นเดือนครับ ผ่านคันทั้งดี และ ไม่ดี....คือบอกตรงๆว่าของแบบนี้ต้องดูกันนาน และหากันนานครับ ตาดีได้ตาร้ายเสีย, ม่ะ มาชมภายในกันต่อครับ

แม้แต่ลิ้นชักก็มีไฟให้ครับ 

ไฟส่องแผนที่

ไฟ back lit เยอะมากจริงๆ แม้แต่ที่เขี่ยบุหรี่+ที่จุดบุหรี่ ก็มีไฟล้อม
 วงเล้กวงน้อย ขอบโน่นนี่ ปุ่มเกือบทุกๆอย่าง!!!


ไฟขอบข้างประตูคนขับครับ
ไฟปรับเมมโมรี่ก็มีครับ

เหมือนอยู่ในคลับแจ๊สชั้นดีแบบสลัวๆครับ

อย่างที่เห็นครับ กลางคืน อลังการมาก
ภาพที่ถ่ายมา ออกจะไม่ชัดนะครับ เพราะถ่ายยากมาก กลางคืน ถ่ายยังไงก็มี Noise
 ผมก็ขี้เกียจปรับ ก็ลงมันดิบๆแบบนี้ละครับ ฮ่าๆๆ



ส่วนนี่หน้าปัดครับ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นสีส้ม และ ปุ่มบนพวงมาลัยมากมาย อาทิเช่น ควบคุมชุดเครื่องเสียง หรือ โทรศัพท์ รวมไปถึง Cruise Control ที่สามารถเพิ่มความเร็ว หรือ ลดความเร็วของรถได้ที่พวงมาลัยด้วยการกดปุ่ม โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง....เทคโนโลยีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มาถึงทุกวันนี้ BMW ยังทำได้ดี กว่ารถปี 2013 สมัยนี้อีกครับ :D

- ตัวพวงมาลัยเป็นไฟฟ้า สามารถปรับเลื่อนขึ้นลงหรือล๊อคเมมโมรี่ไว้ได้ เมื่อเสียบกุญแจเข้าไปและบิดไปจังหวะ2-3พวงมาลัยจะปรับต่ำลงมา และ เมื่อเอากุญแจออกจากเบ้า พวงมาลัยจะขึ้นสูงเอง เพื่อให้ผู้ขับลุกออกจากรถได้ง่ายขึ้น

- มี on-board คอมพิวเตอร์ที่หน้าปัดและส่วนกลางของเครื่องเสียง ซึ่งจะอธิบายใน part ต่อๆไปครับ

ขอจบ ไว้ก่อนตอนแรก มีเวลาจะต่อไปเรื่อยๆครับ ^^