นาย ปัถย์ อินทรทูต (แบงค์)

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

[Resort Review] Continue (ตอนที่2) Review Evason Resort

2nd Day: A Bow Master Begin his Journey, Breakfast and Activities in Evason @9:00 am


    ตื่นสายครับ ทั้งที่จริงวันนี้กะจะเดินเที่ยวภายในเอวาซอนทั้งวัน วางแผนเอาไว้ว่าจะเช่าจักรยานปั่นรอบๆหาดของเอวาซอน แต่ที่ไหนได้ ตื่นสายซะนี่!! แต่ไม่เป็นไรครับ เวลายังมีเวลาอีกทั้งวัน ลองดูเวลา อืม เกือบ 9 โมงแล้วนี่นาจึงรีบอาบน้ำลงมาทาน Breakfast เพราะที่นี่อาหารเช้าเปิดตอน 7 โมงถึง 10 โมงครับ ค่าอาหารเช้านั้นรวมกับค่าห้องไปแล้วครับ เราเพียงลงมาบอกพนักงานที่โต๊ะอาหารได้เลยว่าห้องอะไร ไม่ต้องมีคูปอง หรือ เงิน อะไรให้ยุ่งยากเดินลงมาใส่ขาสั้นเสื้อยืด ตัวเปล่าก็ได้ทาน Breakfast ที่นี่แล้วครับ

ทางเดินไป ห้องอาหารครับ
มาสะดุดกับป้ายนี้ครับ กิจกรรมต่างๆที่สามารถทำได้ที่นี่
ที่เห็นในป้ายนี่ยังไม่หมดนะครับ กิจกรรมที่นี่มีตั้งแต่ ตีเทนนิส, โต๊ะฟุตบอล, ยิงธนู, ดำน้ำ
แม้แต่การนั่งเรือหางยาว จนไปถึง Course ทำอาหารไทยที่ฝรั่งชอบมาเรียนก็มีครับ
โอ๊ย อยากทำไปหมดทุกสิ่งเล้ย เชื่อแล้วว่าที่คนอื่นเค้าบอกว่าอยู่แต่ที่นี่ก็ได้ อยู่เป็นอาทิตย์ๆ ก็อยู่ได้โดยไม่ต้องออกไปไหน เพราะมันมีอะไรให้ทำเยอะมากครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใด อาหารเช้าครับ ถึงหรือยังนี่ ห้องอาหาร ทางเดินยาวมากๆครับ........กลางคืนช่องในกำแพงเป็นไฟส่องออกมาครับ สวยงาม
ระหว่างทางเดิน ก็จะมีรูปภาพของศิลปินดังๆ แปะอยู่ครับ
มีชื่อเจ้าของผลงาน และ ยังสามารถสั่ง print และซื้อไปแปะที่บ้านได้ครับ หากต้องการ
ผมดูราคาส่วนใหญ่มีตั้งแต่หลักพัน ถึง หลายหมื่นครับ
หันมาทางขวาระหว่างทางเดิน ที่มีภาพเต็มไปหมด ก็จะเจอวิวนี้ครับ
เป็นวิวที่มีชื่อเสียงของที่นี่ครับ ตรงกลางคือ ขาย jewelry ต่างๆครับ สร้อยเพรช เครื่องเพรชมากมาย
รูปนี้ข้างหลังผมเป็นทะเลนะครับ เรียกว่าทานอาหารและเห็นทะเลตรงหน้าเลย
ถึงจุดนี้จะไม่ขอพูดมากแล้วนะครับ หิวมาก ผมเดินเช็คอาหารก่อน เปิดหม้อต่างๆที่โต๊ะบุฟเฟต์ อาหารที่นี่ มีอาหารญี่ปุ่น อย่างซูชิ อาหารฝรั่งก็มีครบเลยครับ และแน่นอน อาหารไทย ซึ่งต้องมีไว้เพื่อให้แขกฝรั่งได้ลิ้มลอง ผมเลือกอาหารไทยก่อนครับ เดินไปตักข้าวกล้อง เป็นอย่างแรก (มีแต่ข้าวกล้อง) เปิดหม้อมา หุงได้ยังไงนี่ สวยน่ากินขนาดนี้ ตักมาพอประมาณ ราดกับแกงเขียวหวานที่ใส่ เต้าหู้ บล็อกโคลี่ ผมชอบแกงเขียวหวานอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเห็นแกงเขียวหวานแบบนี้มาก่อนจริงๆ อร่อย แถม มีประโยชน์

เมนูเพื่อสุขภาพรับเช้าวันใหม่ 
เห็นหม้อเงินๆด้านซ้ายไหมครับ นั่นคือโซนอาหารไทยครับ
หม้อทางด้านขวา คือ ข้าวต้ม
สำหรับคนชอบอาหารฝรั่ง ก็มีออมเล็ต ที่สามารถสั่งกุ๊กได้เลยครับ
เบคอน ไส้กรอก ต่างๆก็มีครับ
โซนขนมปังต่างๆ มีเค้ก ขนมปัง พร้อม แยมมากมาย
เครื่องปิ้งขนมปังยังทำจากไม้เลยครับ
ผมคิดว่าที่นี่อาหารเน้นไปทางด้านสุขภาพเป็นหลักครับ ไม่บ่อยครั้งที่เดินเข้าบุฟเฟต์โรงแรมแล้วจะเจอขนมปังโฮลวีตมากมายกับข้าวกล้อง และ ยังมีโยเกิร์ตรสต่างๆ รวมไปถึง น้ำผลไม้ที่คั้นสด เรียกว่า หลายน้ำ เลือกกินไม่ถูก ผมไปยืนอึ้งอยู่เกือบนาที เพื่อเลือกน้ำผลไม้ ผมถามทางพนักงานบอกว่าน้ำผลไม้เหล่านี้เอามาจากไหน? คำตอบคือเค้าคั้นสดตอนเช้าทุกวันครับ มีน้ำแครอท, องุ่น, แตงโม, ฝรั่ง, สับปะรด, ส้ม และ มะเขือเทศ กินกันให้เปรมไปเลย
ผมเลือกดื่มน้ำแครอท สีส้มทางซ้ายสุด อร่อยดีครับ
นมก็มีให้เลือกดื่มหลายหลายครับ ติดป้ายห้อยไว้เหมือนหิ้วมาจากฟาร์มเลย
ผมเลือกนม low fat ครับเพราะไม่อยาก gain weight มากไปกว่านี้ :P
สำหรับ snack lover ที่บุฟเฟต์นี้คือสวรรค์เลยครับ ของหวาน ลูกพรุน ถั่วต่างๆ กล้วยอบน้ำผึ้ง
ของตากแห้งต่างๆเยอะมาก สามารถเปิดจุก หยิบใส่จานได้เลยครับ ไม่อั้น
โอ้ยอิ่มจริงๆครับ จริงๆทานเยอะแต่ไม่ได้ถ่ายมา เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับรสชาติ เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้เวลาทัวร์ส่วนต่างๆของโรงแรมกันแล้วครับ พร้อม เมื่อมีพลัง อิอิ ขอผลไม้ล้างปากอีกสักหน่อยนะครับ แล้วจะไปแล้ว จริงๆนะ 555
น้ำข้างๆจานผลไม้ น้ำแอปเปิ้ลนะครับ ไม่ใช่เบียร์ ^^"
เมื่อเดินออกมาสักพักจากเรือนอาหาร ก็เจอกับป้าคนนี้ครับ นั่งอย่างเรียบร้อย แกะสลักสบู่อยู่ พอเข้าไปดูใกล้ๆ จึงเห็นว่าเป็นงานที่สวยมาก เป็นสบู่ตั้งโชว์มากกว่าครับ แกะสลักสวยๆแล้ววางที่โต๊ะ ซึ่งคุณแม่ผมก็สนใจครับ ผมก็จัดถ่ายรูปมาให้ชมความงามของที่ระลึกกันด้วยครับ แต่ไม่ใช่มีแค่นี้นะครับ เดี๋ยวจะพาเดินชม souvenir shop ของที่นี่ในตอนเย็นอีกครับ ส่วนอันนี้คุณป้าเล่าให้ฟังมาว่าฝรั่งชอบซื้อกันครับ โดยเฉพาะตอนช่วงเช็คเอ้าท์
คุณป้ามาขายไกล มาจากสุพรรณ
สบู่ถูกแกะสลักวางไว้ในถ้วยเครื่องปั้น
ข้างๆเรือนอาหาร มีจำหน่าย Ice Creme ด้วย


2nd Day: Dream of Archer 10:20 am 


จู่ๆก็นึกถึงเพลงเก่าขึ้นมาครับ
ของวง The Heart


รู้สึกว่ามันช่างเข้ากับบรรยากาศที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับกิจกรรมยิงธนูครั้งนี้ 
ลองเปิดฟัง แล้วอ่านไปด้วยครับ


The archer stands 
Arrow measured to the goal - sing of 
Strong and living man 
In his mind there is a vision wand'ring 
Through the forest town ......

สิบโมงนิดๆ ตอนนี้ได้เวลาเดินเที่ยวใน เอวาซอน ครับ ก่อนมานี้ผมได้ทราบว่าที่นี่มีกิจกรรมดีๆมากมาย แต่ที่ผมสนใจที่สุดคือ ยิงธนู ครับ ก่อนหน้าที่จะมาเอวาซอน ผมกำลังติดซีรี่ย์มะกันเรื่องหนึ่งชื่อ Arrow ซึ่งพระเอกมันเท่มากๆครับ เวลาใช้ธนู เรื่องย่อคือ ตัวพระเอกไปติดเกาะอยู่ 5 ปี แล้วต้องเรียนรู้วิธีอยู่รอดให้ได้จากภัยต่างๆ และ ใช้ธนูเป็นอาวุธหลักครับ จากนั้นรอดตายกลับมาได้มาเป็นฮีโร่ปราบเหล่าร้ายในเมือง ฟังดูเท่ใช่มั้ยครับ ลองไปหาดูกันครับ 


ผมจะรอช้าอะไรอีกตอนนี้เดินไปหาสนามยิงธนูนี้ทันที เท่าที่ผมจำได้ พนักงานเคยพูดแนะนำผมไว้ว่าอยู่ข้างๆสนามเทนนิส แบบนี้ไม่ยากๆ เพราะเห็นมาแล้วตอนขับรถเข้ามา

สนามเทนนิสไปทางขวาครับ
เดินมาอย่างไกล เจอนี่ก่อน สนามทรายวอลเลย์บอล
ข้างๆก็เป็นสนามเทนนิสนั่นเอง ถ้าเช่นนั้น สนามยิงธนูก็น่าจะอยู่ถัดไป
ซูมให้ดูชัดๆครับ สนามเทนนิส อาทิตย์หน้าเค้าจะจัด Tournament แข่งพอดี
จึงมีป้าย sponsors ต่างๆติดอยู่ด้วยครับ

เจอแล้วจ้า สนามยิงธนู โห เป้าทำไมมันตั้งไกลจัง ชักหวั่น

จากนั้นผมจึงเดินไปถามเรื่องครูสอนครับ 
และครูสอนก็แบกอุปกรณ์มาทันที 

ครูฝึกกำลังไปทำเป้าให้ครับ

แว้บแรกที่เห็น โห คันธนูใหญ่เวอร์!! จะยิงไหวเร้องี้




คิดผิดละมั้งเนี่ย แต่เอาน่ะ เราก็ตัวไม่ใช่เล็กๆ 

สวัสดีครูฝึก และ คำถามแรกที่โดนถามคือ เคยยิงมาก่อนไหมครับ? ผมตอบแบบมั่นใจ ไม่เคยเลยครับ จากนั้นครูฝึกได้ใส่อุปกรณ์ safety ที่แขนของผม เพื่อกันการดีดของตัวคันธนูครับ



.......แบบนี้ครับ มัดเข้าไปที่แขน


คุณแม่ผมก็ขอลองยิงด้วยครับ แต่ไม่ไหว ไม่มีแรงดึงคันธนูครับ (หนักมากตอนง้าง)
ครูสอนพูดถึงเทคนิคต่างๆครับ ตั้งแต่การใส่ลูก
ลองยิงดูครับ ฮึ้บ!!

การยิงธนูครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า อาวุธสมัยก่อน ไม่ได้ใช้กันง่ายๆครับ น้ำหนักการถือ การเล็ง ไม่ได้เหมือนกับปืน ที่พกง่ายแบบปืนพก ทุกอย่างในร่างกายเราต้องสัมพันธ์กัน แบกน้ำหนักจากคันธนูที่แขนซ้าย เหยียดแขนซ้ายตรง (ถ้าถนัดขวา) แขนขวาใช้เคลื่อนคันธนู ตาใช้เล็งเป้า การกำหนดลมหายใจเข้าออกตอนปล่อยลูกธนูออกไป แรงแขนขวาที่ต้องง้างมาให้สุดที่คางเพื่อที่จะได้แรงที่พอจะไปกระทบกับเป้า ฟังดูยุ่งยากใช่ไหมครับ แต่มันโคตรสนุกเลยครับ ผมรับประกัน เวลาได้ยินเสียงลูกธนูเข้าที่เป้าดังฉึบ คล้ายๆกับเวลา เตะบอลเข้าตาข่ายน่ะครับ ความรู้สึกมันเท่มาก ฮ่าๆๆ 

มาดูผลงาน

ผลงานของผมคนเดียวทั้งหมดครับ
ถ้าผมถือคันธนูพร้อมลูก จะหาเรื่องก็คิดดูใหม่ดีกว่านะครับ ฮ่าาาา
ผมสนุกจนลืมความเจ็บไปเลยหรือเนี่ย พอเล่นเสร็จห้อเลือดครับ
หลังจากยิงธนูไปสองชุด ที่นี่ เค้าคิดชุดลูกศร ชุดละ 100 บาทครับ ผมยิงไป 2 ชุด แต่ครูฝึกใจดีมาก คิด 100 เดียวครับ ขอบคุณมากๆครับ
ข้างๆสนามยิงธนู จะเป็นจุดเช่าจักรยานครับ
จักรยานแม่บ้าน ชั่วโมงละ 50 บาท
จักรยานแบบมีเกียร์ ชั่วโมงละ 100 บาท
โต๊ะบอลก็มีครับ
อย่างที่เห็นครับ เอวาซอน รีสอร์ท แห่งนี้เป็นที่ๆเหมาะแก่การมาพักแบบเงียบสงบ และ ทำกิจกรรมต่างๆครับ ตั้งแต่ เที่ยว ออกกำลัง ทำสปา จนไปถึง เรียนทำกับข้าว ซึ่งเค้าก็จะมี reception ด้านกิจกรรมแยกออกไปอีกด้านหนึ่งเลยครับ น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถถ่ายมาให้ดูทั้งหมดได้ เพราะกิจกรรมบางอย่างไม่ใช่ถูกๆเลยครับ อย่าง สปา ผมก็ไม่ได้ถ่ายมา แต่ถ้าจำไม่ผิด ตอนนี้ Earth Spa ของ เอวาซอน มีคอร์ส 50 นาที 1,500 บาท และคอร์สแบบจัดเต็มทั้งวัน 5,000 กว่าบาท ถ้าผมจำไม่ผิดนะ เห็นใบปลิวอยู่ในห้อง.......


เดินไป เดินมา ก็เจอกับ นี่ครับ

แปลงผักสวนครัว ของทางรีสอร์ท

2nd Day: Nature is Sustainable, visiting Evason's Garden @11am

ที่นี่มีโซนเด็ก ก็คือ สนามเด็กเล่นนั่นเองครับ
แต่ที่อยากให้ดูกัน คือ ทางโรงแรมเค้าปลูกผักเองเลยครับ
และปลูกได้สวยมากๆ ผักแบบผักชี ตะไคร้ ที่ชาวบ้านปลูกทั่วไป
 แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำแปลงได้สวยเข้ากับโรงแรมขนาดนี้

อันนี้เป็นป้ายหน้าแปลงผักครับ จากที่อ่านๆดูพอเข้าใจ คือทางโรงแรมได้ตระหนักถึงการลด Carbon Footprint ซึ่ง
เมืองนอกเค้าจะ concern กันมากครับ ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามก็ต้องติด เช่น ปลากระป๋อง กระป๋องนี้ในกระบวนการผลิต
มีค่า Carbon Footprint เท่าไหร่ ค่านี้ก็คือ greenhouse gas ครับ......ส่วนผักที่นี่ ที่ปลูกเอง และนำมาใช้โดยไม่ผ่านกระบวนการ
ทำลายสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสิ่งหนึ่งในการลด Carbon Footprint, อยู่แบบยั่งยืน และ นำสิ่งที่ได้จากธรรมชาติมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม




สิ่งต่างๆ อย่างอื่นที่ทาง เอวาซอน พยายามทำเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมไว้ครับ



เดินวนไปวนมาเรื่อยๆ รอบๆตัวโรงแรม ก็เจอกับห้องนี้ครับ 

ห้องอะไรหว่า?

Library & Internet Sala ห้องสมุดและห้องนั่งเล่น internet ครับ 

ถึงโรงแรมนี้จะเน้นอยู่แบบเชิงอนุรักษ์แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลยนะครับ......สัญญาน AIS 3G ที่นี่แทบไม่มีครับ ยังไงคงได้ห้องนี้แหละครับ ช่วยไว้ ถ้าจะเล่น Internet

ถ้ามาหัวหิน-ปราณบุรี แล้วไม่ได้เห็นทะเลก็คงแปลกๆใช่ไหมครับ
ถ้าอย่างนั้นจะเดินพาไปชม สระว่ายน้ำ ติดทะเลของที่นี่กันครับ 

2nd Day: All We Need is a Swimming Pool, seriously @noon

กล้วยไม้หล่นเยอะเลยครับที่นี่


เดินมาสระน้ำถึงตอนแดดเปรี้ยงๆเลยครับ มาถึงก็มีป้ายไม้แขวนไว้ว่า ความลึกสระน้ำ 2 เมตร เป็นภาษาต่างๆ เกาหลี อังกฤษ ไทย 




เป็นไงครับ น่าว่ายไหม

เดินถัดมาจากสระก็เป็นทะเลครับ แต่ต้องข้ามถนนตรงนี้ ซึ่งรถก็น้อยมากครับ


อากาศดีมากครับ.....ต่อจากนั้นก็เริ่มเหนื่อย
 จึงกลับมานอนพักที่ห้อง และหาอะไรทานหน่อยดีกว่า

มีที่แปะตาอยู่ในตู้เย็นด้วย หยิบมาใช้ดีกว่า
ขอนอนพักก่อนนะครับ 

ห้องนอนจากสวยๆ โดนผมนอนไป เริ่มเหมือนที่บ้านแล้วครับ
หลายคนอาจไม่เห็นครับ สวิทซ์ปิดไฟ มันมาซ่อนอยู่นี่ -"-

2nd Day: Welcome to the Night time, Shopping again


ผมนอนกลางวันที่ห้องสบายมากๆครับ แปปเดียวใกล้มืด 5 โมงแล้ว อะไรกันนี่ เวลาผ่านไปเร็วเสียจริง จึงอาบน้ำ ออกไปหาอะไรทานดีกว่า
เดินออกมาตามทางจากโรงแรมครับ เจอร้านขายของที่ระลึก
แต่ที่นี่ไม่ใช่ ของโรงแรมนะครับ เดี๋ยวจะพาไปอีกที่ซึ่งเป็น shop เอวาซอน

เจอที่นั่งบรรยากาศดีๆเข้าให้ เลยต้องหยุดนั่งครับ สั่งหอมทอดกับเบียร์สิงห์ และ อาหารทะเลต่างๆมานั่งกิน (ทะเลอยู่ข้างขวารูปนี้ครับ) ฟังเสียงคลื่น จิบเบียร์ กินกับแกล้ม.....ทำให้ผมอดอิจฉาคนแถวนี้ไม่ได้จริงๆ 

ค่ำแล้วครับ
ทานเสร็จ อิ่ม  กะจะเดินกลับห้องพักเลยครับ แต่ได้แวะที่ต่างๆอีกตามเคย 

เดินผ่านเรือนอาหารที่มาทาน Breakfast ตอนเช้าครับ
ตอนนี้เปิดไฟเป็นห้องอาหาร แสนโรแมนติค ไปแล้ว
กะว่ามาอีกโดนแน่ๆ dinner ที่นี่
ห้องครัวข้างๆเรือนอาหาร ของที่นี่ครับ เป็นกระจก เปิดเผยกันไปเลย
ทางที่เดินกลับตอนกลางคืนครับ
ด้านข้างๆอันที่จริงเป็นบาร์ครับ แต่ผมเดินกลับตอน 2 ทุ่ม มันเลยยังปิดไฟอยู่ ไม่เช่นนั้น อาจจะได้นั่ง
ถึงแล้วครับห้องขายของที่ละรึก

ชุดขัดตัวต่างๆ

ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ใช้ในสปาครับ
 ของสมุนไพรดีๆทั้งนั้นเลยครับ ผมก็หยิบ สบู่ไหมไทยมาใช้ก้อนหนึ่ง 
หน้าตาจะได้ชุ่มชื่นครับ ก้อนละ 100 บาท แพงได้อีก แต่น่าจะดีครับ

สบู่มีหลายหลายมาก สบู่ข้าวหอมมะลืยังมีเลย
อันนี้เป็นตะไคร้



ของทั่วๆไปอย่างสมุดโน๊ตก็มีครับ แต่ของพวกนี้ผมซื้อจาก night market หัวหินถูกกว่า
ของกระจุ๊กกระจิ๊กครับ
ของวางโชว์ต่างๆ

เดินดูอยู่สักพักจึงออกมาครับ รอท่านแม่ไม่ไหวจริงๆ ช๊อปนานมาก ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า....


2nd Day: Waiting is Tough, Night is the God's Gift


คุ้นๆไหมครับ ห้องนี้


และแล้วก็ได้ใช้บริการจริงๆครับ 
ห้องสมุดและ internet room ช่วงค่ำของวันนี้ 
และไม่มีคนเลย เสร็จ โจร



ที่นี่มีหนังสือเกือบทุกภาษาครับ ญี่ปุ่น เยอรมัน อังกฤษ หยิบอ่านได้ตามสบาย 



ผมก็หยิบไอแพด มานั่งเล่นดูครับ ท่าทางนั่งสบายดีเลยขอนั่งสักหน่อย 

เสร็จจากตรงนี้ก็เดินกลับห้องจริงๆแล้วครับ ระหว่างที่เดิน ผมก็ได้ยินเสียง แมลง ตุ๊กแก ร้องมากมาย แต่ไม่เห็นตัวนะครับ ก็ลองดูสภาพแวดล้อมที่นี่กลางคืนสิครับ เค้าพยายามทำให้คงสภาพธรรมชาติไว้มากที่สุด ไฟก็เป็นไฟเล็กๆน้อยๆตามพุ่มไม้ ไม่ได้สว่างอะไรมากมาย ทำให้บรรยากาศนั้น ยิ่งเหมือนอยู่ในป่า รูปข้างล่างนี้ผมใช้กล้อง DSLR ISO 6500 ยังสว่างได้แค่นี้ ลองคิดดูสิครับ ว่าจริงๆมันมืดขนาดไหน......





คุณแม่ผมรีบโกยเข้าห้องเลยครับ ตอนได้ยินเสียงตุ๊กแก ฮ่าาา


 กลับมาแถวห้องพักจนได้ครับ ตอนนี้ประมาณก่อนสามทุ่ม 

มืดมากครับ รูปนี้ใช้ Flash ไม่งั้นคงมองอะไรไม่เห็น

ข้างๆป้ายข้างบนที่ผมถ่าย นี่คือทางเดินเข้าวิลล่าผมครับ
ได้บรรยากาศเที่ยวป่าดีมั้ยล่ะครับ 

ถึงเวลาชาร์จแบตสิ่งอำนวยความสะดวกครับ ใช้มาทั้งวัน รูปส่วนใหญ่ในนี้ใช้ Galaxy S3 ถ่ายครับ


คนก็ต้องพักชาร์จแบตเช่นกันครับ


ถึงเวลาพักผ่อนอันแสนมีค่าแล้ว

ขอตัวไปนอนเตียงนุ่มๆ 

หมอนกลิ่นหอมๆก่อนล่ะครับ


โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า.....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น