นาย ปัถย์ อินทรทูต (แบงค์)

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

[Resort Review] ออกเดินทางทำ review "เอวาซอน" Resort (Evason Hua Hin & Six Senses Spa) located at Pranburi


ฮ่ะแฮ่ม เกริ่นก่อน....

"การรีวิวครั้งนี้เน้นไปที่ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน 


และไม่มีจุดประสงค์แฝงอื่นใดๆนอกจาก
 อยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆจ้า" : )

รีวิวนี้อาจจะไม่เหมือนรีวิว เพราะ ละเอียดจนเหมือนไดอารี่ไปเที่ยวมากกว่า 555+ ก็มันยาวววซะ เห็นใจคนอ่านจัง 

รูปในนี้ทั้งหมดเป็นรูปที่ผมถ่ายเอง เอาไปแชร์ให้เครดิตด้วยจ้า

โอเคนะ ถ้าโอเคก็..


ENJOY!




จุดประสงค์การเดินทางของผมในครั้งนี้ คือ การได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในหัวหิน โจทย์ของผมคือ โรงแรมต้อง High End และธรรมชาติต้องมาก่อนทุกสิ่ง.....



ผมเริ่มต้นหาข้อมูลเองจาก Review ต่างๆในอินเตอร์เนทเอง จนมาจบลงที่นี่ "เอวาซอน" ชื่อนี่ก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่าป่าขนาดไหน...คงตั้งชื่อให้คล้ายกับป่า อเมซอน แต่ที่นี่เป็นป่าที่หรูหรามากครับ ;)
ด้านที่ติดทะเลของเอวาซอน ถ่ายเองกับมือนะ
ปล. บางรูปในรีวิวนี้อาจจะไม่สวย แต่ถ่ายด้วยใจเลยนะ ^^

อยากรู้ว่าทางไปป่าขนาดไหน 
ลองเลื่อนไปดูรูปตอนผมขับรถกลับจากไปทานข้าว (ประมาณ4ทุ่ม) ของวันแรกที่มา (แต่แนะนำให้อ่านไปเรื่อยๆจะสนุกกว่า ^^)

คุณจะอาจจะคิดว่าผมบ้าที่กล้าขับรถคันเล็กๆแบบนิสสันมาร์ชเข้าป่าฝ่าดงมา โค้งในปราณบุรีนี่ใช่ย่อยครับ แต่ระบบเบรกกับระบบความปลอดภัยของตัวรถ เช่น EBD, BA, ABS ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเชื่อมั่นในรถผม 
และสติของผมบอกว่ามาร์ชมันสามารถไปได้ทุกที่จริงๆที่มีถนน
(รถใหญ่ก็มีนะ แต่ความรู้สึกมาร์ชขับทางไกลสบายกว่าที่คิดครับ ต้องคนเคยนั่งถึงจะเข้าใจ)

นอกเรื่องไปเยอะ มาเริ่มไปเที่ยวกันดีกว่าครับ
1st Day: Let's Begin the Journey, on the way to Evason Resort

       ผมเริ่มต้นด้วยการตื่นตี5ครึ่ง และออกมาเติมน้ำมัน e20 เต็มถังให้รถคันโปรดผม, เติมลมไนโตรเจน เรียบร้อย ขนกระเป๋า น้ำ ขนมเล็กน้อย พร้อมเสร็จสรรพ จึงออกเดินทางในเวลาเช้าตรู่ 6:45 จากซอยวัชรพล...
แวะปั๊ม ติดกับภูเขาเลยครับ
ขับออกมาได้ประมาณ 150 โลนิดๆก็เริ่มเห็นภูเขาแล้วครับ 
ผมเริ่มปวดฉิ้งฉ่องจึงแวะปั๊มบางจาก หันดูขีดน้ำมันลงไปแค่ขีดเดียว จึงขับต่ออย่างสบายใจไปเรื่อยๆ จากนั้นก็วิ่งรวดยาวมาชะอำ และถึงหัวหินภายในเวลา 3ชั่วโมงเท่านั้น!! กับระยะทาง 230 กิโลได้ 

10 โมงตรง ผมเริ่มหิวเพราะไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้า จึงตัดสินใจแวะ เพลินวาน.... สำหรับคนที่ไม่รู้จักเพลินวาน คือ สถานที่ย้อนยุค มีร้านค้า ร้านอาหาร ที่ขายสิ่งต่างๆในแบบวันวาน เป็นสถานที่เล็กๆน่ารักๆ เพื่อเดินเล่นฆ่าเวลา หรือถ่ายรูป ส่วนผมมาเพื่อทานผัดไทยกุ้งสด จานละ 50 บาท แพงจริงๆ (แต่แม่ค้าน่ารักมาก) จากนั้นผมก็เริ่มร้อนจึงแวะร้านเสื้อ ซื้อเสื้อยืดลายเรโทรหัวหินที่มีลายจักรยาน แล้วถอดในร้านเปลี่ยนมันตรงนั้นเลย พร้อมกับความอึ้งของแม่ค้า 555 (โชว์กล้ามอกซะเลย) เสร็จภารกิจ 
อิ่มท้อง เดินทางต่อ 


ทุกอย่างเรโทรที่เพลินวาน

กลับไปที่รถ จึงเดินหน้ามุ่งสู่ เอวาซอน ปราณบุรี ซึ่งจะต้องเลยหัวหินไปอีกพอสมควร (เลยไปอีกเกือบ60กิโล รวมระยะทางประมาณ 265 กิโล) จึงไม่รอช้ามุ่งเข้าที่พักเพราะร้อนมากมาย อยากอาบน้ำ เช็คอินสุดๆในเวลานั้น จึงเร่งความเร็วจากขับที่ 90-110 เป็น 120-130 ซึ่งอาจไม่มากแต่เป็นความเร็วซึ่งถ้ามีอะไรตัดหน้า หรือ สิ่งไม่คาดคิดก็น่าจะยังเบรคทัน (สติสำคัญครับ) ยิ่งทางแบบปราณบุรีที่ซึ่งถนนตัดกันเลนเดียว มักจะมีรถที่ขับช้า แล้วรถคันหลังใจร้อน วิ่งฝ่าไปอีกฝั่งของเลนสวนกันด้วยความเร็ว 140-160 อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องระวังคนอื่นมากกว่าระวังรถที่เราขับเสียอีก 

เอาล่ะ เลิกบ่นดีกว่า.....

บ่นแปปเดียวถึงแล้วครับ เอวาซอน :D ในตอนแรก ผมขับไปยังด้านหลังซึ่งมันเป็นทางติดทะเล สวยงามจริงๆ ใจจริงหาทางเข้าโรงแรมไม่เจอ เพราะเจ้ากรรม navigator app guide and go ของ AIS ดันไม่รู้ทางเข้าโรงแรม มันพูด "ถึงจุดหมาย"  หันไปข้างๆเป็นทะเล.......ถ้าอย่างนั้น


ด้านซ้ายหันไปเป็นทะเล ถ้า พูดง่ายๆ โรงแรมก็คือด้านขวานั่นเอง!!
โอ้ววว นี่มันสระน้ำที่เคยเห็นในรีวิวคนอื่นนี่หว่า 

ใช่แล้ว เราถึงแล้ว!!! 

หลังจากนั้นผมจึงถึงบางอ้อว่ามันมีทางเข้าดีๆด้านหน้า
สระน้ำติดทะเลของเอวาซอน
ทางเข้า เมื่อเข้ามาด้านใน เอวาซอน

ถ้าอยากเข้าใจง่ายๆก็ดู panorama รูปนี้ครับ มัน แทบจะติดทะเล มีแค่ถนนเลนนิดเดียวกั้นเอาไว้  


ถ้าทางเข้าจริง ด้านหน้า ต้องเข้าทางป้ายนี้ครับ
1st Day : Checking IN Evason, first impression @12:00pm

เมื่อเราถึงแล้ว มีพนักงานเยอะมากครับ ดูเจริญขึ้นเยอะ ผิดกับป่าดงข้างทางที่ขับเข้ามาจริงๆ พนักงานโบกให้จอดตรงจุดที่โหลดสัมภาระ 
และจัดแจงนำกระเป๋าไปยังห้องพักที่จองไว้ทันที 
จุดแรกสำหรับ Welcome แขกที่มาพัก และ โหลดกระเป๋าออกจากรถครับ แต่ยังไม่ใช่ล๊อบบี้นะครับ

รถแต่ล่ะคันที่มาเที่ยวที่นี่ ทำเอานิสสันมาร์ชของผมตัวเล็กลงไปอีก ก็ดูแต่ล่ะคันสิครับ

เนื่องจากที่นี่เป็น resort ที่ส่วนตัวมาก ที่จอดรถจึงไกลมากๆ 
ที่จอดซึ่งใกล้กับสนามเทนนิส และ สนามยิงธนู (ซึ่งจะพูดถึงกิจกรรมของที่นี่ในวันต่อไป) เมื่อจอดรถเสร็จแล้ว ก็มีรถกอล์ฟไฟฟ้า ซึ่งใช้รับส่งผู้เข้าพักถึงห้อง และเราสามารถเรียกใช้กลับไปที่รถอีกเมื่อไหร่ก็ได้
(ให้ทิปเค้าหน่อยนะครับ พนักงานอัธยาศัยดีมาก ขับรถไปชวนคุยแนะนำสถานที่ไปเป็น ความประทับใจแรกที่ผมได้จากที่นี่ครับ
สบายครับ ใกล้ถึงละล๊อบบี้ของที่นี่
หน้าตาของเรือน lobby ที่เรากำลังนั่งรถไปครับ
ระหว่างทางผมได้ถามพนักงานขับรถว่า ที่นี่แขกส่วนใหญ่เป็นฝรั่งใช่ไหม? คำตอบที่ได้คือ ส่วนใหญ่แขกฝรั่งจะชอบมาพักยาวประมาณ 2 อาทิตย์ คือคนไทยน่าจะเยอะกว่าครับ ประมาณ ไทย 60%ฝรั่ง 40% โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์แขกคนไทยจะเยอะมาก  โชคดีที่วันนี้ผมมาคือวันพุธ วันธรรมดา......บรรยากาศสงบเงียบมากครับ
Welcome Drink ครับ
เมื่อมาถึงล๊อบบี้ของ resort ก็รอเวลาเช็คอินครับ ผมขับมาไวเกิน ถึงเที่ยงตรงเป๊ะ แต่ต้องรอเค้าทำห้องถึงบ่ายโมง แต่ นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ ผมตื่นเต้นกับสภาพแวดล้อมที่ต่างกับ resort หรือโรงแรมที่ผมเคยพักมามากมาย เมื่อมาถึงพนักงานเสริ์ฟผ้าเย็นและน้ำ ซึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่าน้ำอะไรนะ รสชาติคล้ายน้ำเสาวรส ซึ่ง มันสดชื่นมากครับ น้ำใส่มาในภาชนะกะลา ดูธรรมชาติมากจริงๆครับ

ที่นั่งส่วน lobby ครับ คุณแม่ผมเอง ^^

หลังจากนั่งพักได้ไม่นาน พนักงานก็บอกว่าสามารถเข้าพักได้แล้ว จึงนำทางเราไปยังที่พัก ระหว่างทางเข้าที่พักผมก็ได้เก็บภาพมาให้ดูด้วยว่า ที่นี่เน้นในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากๆ ป่า ต้นไม้ เยอะจริงๆครับ และเงียบมากจริงๆ 

พนักงานที่นี่อัธยาศัยดีมาก และทุกคนจะแต่งตัวใช้ผ้าดิบทุกคนเลยครับ
ให้ความรู้สึกธรรมชาติเข้าไปอีก
ระหว่างทางที่เดินไปผมก็สังเกตเห็นหลายอย่างเช่น ต้นไม้ พันธ์แปลกๆแบบนี้ครับ

ป้ายบอกทางมีอยู่ทุกที่ครับ ทำจากไม้
บ่อบัวขนาดมหึมา หน้า lobby

ทางเดินเข้าสู่วิลล่าที่พักของผมครับ
ประตูข้างหน้าเป็น ประตูของวิลล่า 1 หลัง
อันนี้น่าจะเป็นห้อง pool villa ครั
ถึงแล้ว หน้าตาที่พักภายนอกของผมครับ


1st Day: Arriving room 307, the first time @13:00pm


เมื่อมาถึงห้องครั้งแรก ผมรู้ทันทีเลยครับ ว่าถ้าผมจะเขียนรีวิวห้องนี้มันจะต้องโคตรยาว เพราะมันมีอะไรให้เขียนเยอะมาก เยอะมากกกจริงๆ!! ห้องที่ผมพักเป็นแบบ Evason ครับห้องเล็กของที่นี่ เพราะมากันแค่ 2 คนแม่ ลูก ใจจริงอยากพัก Duplex Pool Villa Suite จริงๆ ฝันไปก่อน รอพร้อมมากับเพื่อนๆหลายๆคนน่าจะสนุกครับ เพราะห้อง Pool Villa นี่ใหญ่มาก



และนี่คือภาพแรกที่เห็นเมื่อเดินเข้ามาครับ พร้อมกับเสียงเพลง soundtrack ของโรงแรมที่พนักงานเปิดให้จากทีวี เป็นเพลงบรรเลงแบบฟังสบายๆ 
เมื่อเดินเข้าห้องจึงให้ความรู้ที่ดีมากกก :)))


เตียงเป็นสิ่งที่เตะตามากอันดับแรก มุ้งสีขาวที่ห่อพันรอบเตียงด้วยคานที่ทำจากไม้ไผ่ไว้อย่างเรียบร้อย ครับ ได้ยินไม่ผิด มีเตียงแบบนี้ในโรงแรมหรูจริงๆ คงจะเดาไม่ยากแล้วใช่ไหมครับว่าที่นี่มี style การท่องเที่ยวที่เป็นแบบอนุรักษ์นิยม เน้น พักผ่อนกับธรรมชาตินั่นเองครับ

นี่คือมุมมองเวลานอนครับ มองขึ้นไปบนเพดานก็จะเห็นมุ้งซึ่งผ้านั้นนุ่มมากๆครับ พันเก็บไว้ด้านบนอย่างเรียบร้อย

หันไปด้านข้างเตียง ก็จะเจอวิวต้นไม้ พุ่มไม้ ซึ่งด้านข้างเป็นระเบียงครับสามารถเดินออกไปนั่งทานอะไรได้  
ม่านสามารถพับลงมาได้ครับ พับนิดนึงหรือจะปิดกระจกทั้งบานเลยก็ได้
ในตอนกลางคืนก็มีไฟที่ระเบียงครับ แต่มันก็มืดเหมือนอยู่ในป่าจริงๆครับ รวมทั้งเสียง นก เสียงแมลงต่างๆ อาจจะทำให้คุณคิดว่ามานอนอยู่กลางป่าได้ครับ 
ส่วนตัวผมชอบมาก 
มุมระเบียงชัดๆสักรูปครับ

และนี่ก็เป็น 1 ในที่ๆผมเขียนรีวิวครั้งนี้ครับ
สบายจริงๆ เขียนท่ามกลางร่มไม้ และ เสียงนก



สิ่งต่อมาที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ห้องน้ำครับ สิ่งที่สะดุดตาเมื่อเข้ามาคือ อ่างล้างหน้าที่เหมือนจะทำจากอะลูมิเนียม เป็นเหมือนเปลือกหอย เท่ไม่หยอก แต่เวลาคุณทำอะไรตกหล่นลงไปเช่น แปรงสีฟันหล่น หรือ พลาดเอามือไปโดน เสียงนี่ดังหนวกหูจริงๆครับ 






ส่วนนี่คือที่ใส่ทิชชู่แบบม้วนในห้องน้ำครับ คงหมดปัญหากับคนที่ใช้ทิชชู่เยอะๆ เพราะใส่ได้ถึง2ม้วน เป็นความคิดสร้างสรรค์ดี ทำยาวๆซะเลยหมดเรื่อง :)

มีม่านอยู่ด้านบนครับ รูปนี้ถ่ายมาไม่ชัดจริงๆ ขออภัย 

สิ่งหนึ่งที่กวนใจผมตลอดมาเวลาเข้าพักโรงแรมดีๆ คือ ห้องน้ำไม่มีที่ล้างก้นครับ ใช่ครับที่ฉีดตูดน่ะแหละ คือไม่ใช่แค่ที่นี่นะครับที่ไม่มี แต่หลายโรงแรมที่ผมเคยพัก ล้วนตัดออกไปครับ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไม ส่วนอีกข้อหนึ่งพอจะเข้าใจได้คือ ผนังกั้นห้องน้ำที่เป็นกระจกแบบนี้ครับ มองทะลุปุโปร่งกันไปเลย ผมคิดมุมกว้างๆน่ะครับ ว่าถ้ามีคู่รักมานอนที่นี่มันคงให้อารมณ์ที่จึ๊กกะดึ๋ยพอสมควร เห็นม่านที่ปิดได้ไหมครับ ถึงจะปิดได้ มันก็จะเหลือมุมเล็กๆที่สามารถมองลอดได้อยู่ดีครับ...มองอีกนัยหนึ่งคือถ้ามาพักกับครอบครัว หรือ ถ้ามีคนชรามาพักด้วยก็สามารถใช้ตรงนี้สอดส่องได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำเผื่อเกิดหกล้มลื่นเป็นอะไรไป...แต่ตรงนี้ผมไม่ชอบครับ (อาจจะเพราะไม่ได้มากับแฟน555) ตรงจุดนี้ผมคิดว่าห้องน้ำควรที่จะเป็นที่ส่วนตัวจริงๆ ตัดคะแนนไปอย่างละ 0.25 เรื่องกระจกกั้นกับที่ฉีดก้น ตอนนี้คะแนนผมให้เหลือ 9.5 ละกัน


ชอบโลชั่นที่นี่มากๆครับ ลองดมดูจะรู้ว่ามันคือ ตะไคร้ ครับ
เพราะที่นี่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่า จึงมียุงเยอะมาก เป็นอีกหนึ่งความใส่ใจของโรมแรมล่ะครับ
และที่นี่เค้าปลูกผัก สมุนไพร กันเองด้วยครับ เดี๋ยวจะพาชมในตอนต่อๆไปครับ

ฝักบัวเลื่อน ขึ้น ลง ได้ครับ หมดปัญหาคนตัวสูงไม่เท่ากัน
พอแล้วครับ เรื่องห้องน้ำ หันมาที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีส้มวางอยู่ 2 ลูก กับใบตองที่วางรองไว้ น่ารักจริงๆครับ 
คุณเคยเห็นโรงแรมไหนมีส้มวางให้คุณแบบนี้มั้ยล่ะครับ? แถมอร่อยอีกต่างหาก สดชื่นหายเหนื่อยจริงๆ

หันมาทางด้านโต๊ะข้างๆเตียงก็เจอกับเจ้านี่ครับ มีกระดาษเขียนอยู่เยอะมาก หยิบขึ้นมาอ่าน แผ่นหนึ่งคือ การ inform ลูกค้าครับว่าที่นี่จะมีบริการฉีดหมอกควันเพื่อกำจัดยุง หรือ cold fogging เพื่อกำจัดยุงครับทุกๆตอนเย็นบริเวณรอบห้อง เค้าจึงขออนุญาติแขกที่มาพัก เพราะอยากจะให้เราได้ความสะดวกสบายที่สุดในการพักผ่อน (เค้าเขียนด้วยว่าเนื่องมาจาก Thai government's policy นั้นมีนโยบายแนะนำการกำจัดยุงด้วยวิธีการฉีดควัน และขอยืนยันว่าสารกำจัดยุงนั้นไม่เป็นอันตราย คือ ไม่มีมีพิษแน่นอนนั่นเอง) ทั้งนี้ลูกค้าสามารถสั่งถ้าไม่ต้องการให้ฉีดได้ครับ หรือจะให้ฉีดเพิ่มก็สามารถบอกทาง reception ได้ครับ


อีกใบหนึ่งคือ บริการเสริมจากโรงแรมครับ ว่าเราต้องการอะไรเพิ่มเติมในระหว่างพักบ้าง เช่นชุดครีมโกนหนวด, เสื่อโยคะ และบริการเสริมเช่น ตอนก่อนนอนจะมีการเก็บห้องให้เราและฉีดน้ำหอม อโรมากลิ่นต่างๆให้กับหมอนในห้องนอนเรา เช่น กลิ่นส้ม, กลิ่นเป๊ปเปอร์มิ้นท์, ตะไคร้, มะกรูด

รวมไปถึงการขอเจลแชมพูและอาบน้ำแบบอโรม่าแบบพิเศษด้วยครับ ซึ่งผมก็ไม่พลาดครับ จัดกลิ่นมิ้นท์ เขียนลงในใบเสร็จสรรพก็ยื่นให้แม่บ้านแถวนั้นหรือโต๊ะreceptionตรงล๊อบบี้ก็ได้ครับ และเรายังสามารถเลือกเวลาที่จะให้แม่บ้านเค้าเข้ามาจัดการกับห้องได้ 

ในระหว่างนั้นผมก็ออกตระเวนราตรีไปร้านอาหาร เรือริมธาร และเดินตลาดโต้รุ่งหัวหิน


โปรดติดตามตอนต่อไป...


1st Day: Let's Eat and Shop at Night Market, Hua Hin @6:00pm

หลังจากได้นอนงีบสักพักและจัดแจงทิ้งห้องให้แม่บ้านเค้าจัดการกับกลิ่นอโรมาต่างๆที่ผมเลือก ผมก็ได้เวลาตระเวนราตรี โดยเลือกที่จะเติมพลังท้องที่ ร้านอาหาร เรือริมธาร ซึ่งผมสังเกตเห็นระหว่างทางก่อนขับมาถึง เอวาซอน ที่นี่เป็นร้านอาหารที่เหมือน ยกเรือทั้งลำมาวางไว้ครับแล้วให้เราขึ้นไปทานได้ 
บรรยากาศในร้าน เรือริมธาร ที่หัวหิน
ทั้งร้านมีโต๊ะผมโต๊ะเดียวครับ เพราะเป็นวันธรรมดา (เที่ยววันธรรมดานี่มันดีจริงๆ) ก็สั่งอาหารทะเลทั่วๆไปครับ แต่ไฮไลท์คือนี่เลย 
ปลากระพงราดพริกไทยดำ ตัวใหญ่และรสชาติเข้มข้นจริงๆ
ปลากระพงราดซอสพริกไทยดำ
เมื่อทานอิ่มเสร็จเรียบร้อยก็ต้องหาห้องน้ำห้องท่าซะหน่อย  ก่อนไปเดินยาวที่ตลาดโต้รุ่งหัวหิน ห้องน้ำที่นี่น่ารักมากครับ

ผมมักเป็นคนที่ตรงต่อเวลา แม้แต่เวลาเที่ยว ดังนั้นผมจึงจัดแจงเวลาอย่างลงตัวเสมอ ผมสามารถหาที่จอดรถตรงข้ามวัดหัวหินได้ตอนเวลา 18:00 เป๊ะ ซึ่งเป็นเวลาที่ตลาดโต้รุ่งเปิดพอดิบพอดี เสียงเพลงสากลอย่าง Sabrina ลอยเข้าหูผมโดยบังเอิญจึงเดินไปซื้อ CD โดยทันที ผมชอบมากเสียงของเธอคนนี้.....ลองนึกดูครับ cover เพลง payphone ด้วยเสียงของผู้หญิงใสๆ, กลิ่นอาหารหลากหลายชนิด กุ้งเผา ปลาหมึกย่าง โรตีของทานสารพัดสารเพ มะม่วงน้ำปลาหวานยังมีเลย บวกกับผู้คนและแสงไฟที่ราวกับ ที่นี่ไม่มีวันปิด ตามชื่อตลาดโต้รุ่ง ผมแวะซื้อโรตี ไก่ทอด เบียร์ และของที่ระลึกต่างๆ เป็นอันเมื่อย เพราะเดินใช้เวลาตั้งแต่ 6 โมงจนเกือบถึง 3 ทุ่ม, อย่าถามเลยครับว่าผมทำบ้าอะไรที่นี่นานขนาดนี้ ลองมาเดินดูเองแล้วจะเข้าใจเสน่ห์ของที่นี่ครับ 

สีสันของตลาดโต้รุ่ง หัวหิน
กลับมาที่รถได้สักที เหนื่อยร้อนแต่มีความสุขแบบบอกไม่ถูก ขับรถมุ่งหน้ากลับ เอวาซอน อีกครั้ง เอาล่ะสิครับ ตอนขับมาผมมาเที่ยง แต่ตอนนี้กำลังย่างเข้าสามทุ่มกว่า ทางที่ขับนั้นจำได้ว่าเป็นป่าไม้ปกคลุมซะมากเสียด้วย ต้องมีสติมากๆ เพราะคนในรถคือคนที่ผมรักที่สุดนั่งอยู่ด้วย คุณแม่ผมนั่นเอง ระหว่างทางที่ขับนั้นดูมืดขึ้นเรื่อยๆ จนไฟถนนไม่มีครับ ใช่ครับ ไม่มีไฟถนนครับ 
ที่เห็นในภาพคือไฟสูงของรถผมทั้งหมดนะครับ ไม่มีไฟข้างทางเลยสักดวงครับ
แล้วโค้งนี่ หักสอกมากๆครับ อาศัยว่าฟังเสียงจาก Navigator เอาครับ
ตามในภาพเลยครับ มืดๆถนนเลนเดียวตัดกัน บางคันขับเกิน 140+
ระทึกดีครับ ขับเข้าเอวาซอนทางนี้ ในรูปผมชลอเพื่อถ่ายภาพ เสียวแว๊บบบ
มีบางจังหวะต้องกดโหมด sport เพื่อเร่งแซงรถอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่พอไม่มีไฟถนนผมก็ไม่คิดจะแซงครับ ระหว่างที่ขับๆมีเทียน่าขับมาด้วยความเร็วน่าจะเกิน140+ฝ่าเลนสวน จนเกือบโดนชนจากรถกระบะเจ้าถิ่นแถวนั้น ผมเห็นกับตาเลยว่ากระบะแถวนั้นเค้าใช้ไฟ spotlight ถึง ดวงพ่วงกับไฟสูงเพื่อเปิดไล่เทียน่าคันนั้น (เปิดทีเหมือนอยู่สนามฟุตบอลเลยครับ สว่างแยงตามากนับว่าอันตรายใกล้ตัวผมจริงๆครับ โชคดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 นี่คือสภาพถนนที่ผมขับเข้าเอวาซอนช่วงก่อน4ทุ่มครับ

จากนั้นขับมาเรื่อยๆถึงที่พักด้วยดีแลกบัตรกับพี่รปภ.และขับเข้าไปจอดที่จอดรถตามปกติ มีพนักงานคอยบริการโบกรถให้รวมถึงขับรถกอล์ฟคลับมาคอยที่หน้ารถเราเลย เค้าจะถามถึงเบอร์ห้องพัก และก็จะนำเรามายังหน้าห้องพักโดยไม่ต้องเดินเลยครับ ไม่ว่าจะมาดึกขนาดไหนเค้าก็มีพนักงานบริการ 24 ชมมาถึงวิลล่าของบริเวณห้องผม จอดรถพร้อมกับให้ทิปพี่เค้า แล้วจึงเดินกลับไปห้องพักเองเป็นครั้งแรก
ทางเดินเข้าห้องตอนกลางคืนครับ

เรื่องตลกมันอยู่ตรงนี้ครับ เบอร์ห้องที่เอวาซอน จะติดป้ายตัวเลขเช่น 301-310 ทางซ้ายมือ แต่จะไม่มีเบอร์ห้องติดอยู่ที่ประตูครับ งงไหมครับแต่มันก็เป็นไปแล้ว และเขื่อไหมครับ ผมหาห้องผมไม่เจอเพราะไม่มีเบอร์ที่ห้องติดที่ประตู ไอ้ป้ายที่บอก 301-310 ทางนี้ คือรู้ครับรู้ว่านับตามห้องไล่เลขไปเรื่อยๆ แต่มันฝั่งไหน 301 ฝั่งไหน 310 ล่ะ เอาล่ะครับยุ่งแล้ว


งมหามาเกือบ 10 นาทีผมก็เจอเข้ากับนี่ครับ

เห็นเบอร์ห้องไหมครับ??


เบอร์ห้อง!!! 

 ที่สกรีนไว้ที่ floor ด้วย font ที่เล็กและไม่สะท้อนแสง เรียบเนียนไปกับพื้น ใครมันจะไปมองฟระ ให้ตายเถอะ ปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว ขำตัวเองมากมายครับกับประสบการณ์นี้ ใครมาแล้วอ่านบล๊อคผมคงช่วยไว้ได้ถ้าเซ่อซ่าเหมือนผม 555

1st Day: Good Night and Sweet Dream in mosquito net, 
so calm and peaceful @10:00 PM


    เมื่อเข้าห้องมาได้ตั้งแต่เปิดประตู กลิ่นหอมมาเป็นอย่างแรกเลยครับ กลิ่นหอมจางๆ จากน้ำหอมที่ผมเลือกไว้ ลอยเตะจมูก ห้องที่ถูกจัดเป็นโหมดนอนหลับ ม่านถูกพับลงมาให้ทั้งหมด มุ้งที่ผูกไว้ถูกปล่อยลงมาปกคลุมเตียง เป็นห้องที่น่านอนที่สุด สงบ เงียบ เหมาะกับการพักผ่อนสุดๆครับ ประทับใจมากครับ
โซฟาด้านที่ไว้นั่งถูกจัดใหม่ ให้สามารถนอนเล่นได้

มุ้งถูกกางลงมา บรรยากาศดีมากครับตอนนั้น แอร์เย็นๆ และ กลิ่นหอม

อีกมุมของห้องนอนครับ
หลับสนิททั้งคืนโดยไม่รู้ตัว เตียงนอนสบายมาก แอร์ก็หนาวมาก 
แม้เปิดแค่ 27 -"- ดีนะที่พกเสื้อหนาวมา เจอกันตอนหน้าครับ

 นอนหลับฝันดีครับ :)

แย้มว่าตอนหน้าเป็นกิจกรรมยิงธนูครับ, อาหารเช้าแบบ healthy สุดๆ

โปรดติดตาม ตอนต่อไป...

"Preview next episode"

Day2: A Bowman Begin his Journey, Breakfast and Activities in Evason @9:00am



ต่อไปถ้าใครคิดจะหาเรื่องผม แล้วผมถือธนูอยู่ คิดใหม่ได้นะครับ
ฮ่าาาาา

ตอนต่อไป คลิ๊กเลยครับ :)
http://beautifulsideofme.blogspot.com/2013/03/continue-2-review-evason-resort.html

7 ความคิดเห็น:

  1. ชอบค่า อัพตอนใหม่เร็วๆ นะคะ รอติดตาม^^

    ตอบลบ
  2. บรรยายได้ซะอยากไปเลยครับ ผมแพลนว่าจะไปช่วงเดือนหน้าพอดี รีวิวมีประโยชน์มากๆเลยครับ :)

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ^^

    @Korarid Sakweeradejkul ขอให้เที่ยวให้สนุกครับ :)

    ตอบลบ
  4. @Path Intrathut ไปมาแล้วครับ ชอบมากๆเลยครับ ขอบคุณมากครับผม :)

    ตอบลบ
  5. เพิ่งจองห้องพักที่นี่ 2 ค่ืน จะไปเดือน ก.ค. 57 นี้ สงสัยการเดินทางไป รร. คง งงเหมือนกัน
    ขอบคุณที่มารีวิวให้ชมครับ

    ตอบลบ
  6. ขายคอนโดโครงการ วิมานเล หัวหิน sea view 8ล้านบาท


    รายละเอียด
    - พท. 71 ตรม
    - 2ห้องนอน2ห้องน้ำ
    - Sea view ใกล้โรงแรมรีเจ้น

    ลักษณะของ ห้อง อยู่บริเวณ TYPE A2 ตึกบีนะครับ ลักษณะเป็นห้อง mini suit
    -ขายโดยเจ้าของ
    - สามารถนัดวันดูที่ได้เลย

    ติดต่อ ผ่านทาง email
    purehistory1988@gmail.com

    ติดต่อผู้ประกาศ

    0888180881


    sales vimanlay condominium HUAHIN sea view

    8000000 bath

    71 sqm

    2bedrooms 2 bathrooms

    type of room 2a mini suit

    sea view near regent hotel huahin

    sales by owner

    can make appointment for seeing the place now

    contract 0888180881 or purehistory1988@gmail.com


    ตอบลบ
  7. Nice blog, thank you for sharing your views and insights - very informative. If possible I would like to kindly recommend Bangkok Airport Transfer Van Service. Thank you for your time.

    ตอบลบ