ถ้ายังไม่อ่านตอนที่ 1 แนะนำว่าให้เลื่อนลงไปอ่านก่อน
หรือคลิ๊กที่นี่เพื่ออ่านตอนที่ 1 http://beautifulsideofme.blogspot.com/2014/10/blog-post.html
......................
Continue
หลังจากที่อิ่มหนำกับอาหารอังกฤษ ก็ขอเดินย่อยสักนิด ...
หน้าตาของร้านอาหารในยามเย็น |
ที่เห็นเหมือนปราสาท ราชวังนี่คือหน้าตาของร้านอาหาร The Castle และเรือนชากาแฟที่ผมเพิ่งเดินไปรับประทานมา เหมือนพระราชวังแวร์ซายส์ในปารีสเลย |
หลังจากนี้จะเป็นการเดินเล่นในช่วงกลางคืนของที่นี่ และ รวมไปถึงเช้าของวันต่อไปที่ผมแหกขี้ตาตื่น 6 โมงเพื่อที่จะมาเดินรับบรรยากาศดีๆของธรรมชาติที่นี่ ทำไมผมชอบเล่าข้ามตอนนะ เอาปัจจุบันก่อน ตอนนี้ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ไฟทั้งรีสอร์ทเปิดทั่วไปหมด และ อากาศที่วัดจากอุณหภูมิผิวกายและโทรศัพท์มือถือขึ้นประมาณ 24-25 องศา อืม ไม่เลวเลยแฮะ กับเดือนตุลาคม ถ้ามาในเดือนพฤษจิกายนหรือธนวามี 20 องศาแน่ๆ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้เลยคือ สมองเรา relax ขึ้นได้จริง.....
บางรูปผมก็เดินไปถ่ายไป เบลอๆบ้าง แต่อากาศตอนนี้ดีมากจริงๆ คงเป็นเพราะอยู่บนเขาด้วย และยังมีต้นไม้เยอะมาก อีกทั้งน้ำที่ใหลผ่านทั่วบริเวณที่พัก ที่เห็นเหมือนเป็นน้ำจากธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วเค้ามีเครื่องบำบัดน้ำเสียติดตั้งอยู่ในที่ลับตาคนครับ เผอิญผมเป็นคนที่ชอบเดิน เดินทั่วมากจนเจอ เรียกได้ว่า artificial Thames river นี้ถึงปลอม แต่ก็สวยมากๆครับ
ถ้าสังเกตดีๆ รูปนี้จะเห็นดาวด้วยนะ (ลองกดที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่) แต่ noise เยอะมากเลยเพราะไม่ได้ใช้ขาตั้ง ใช้มือสั่นๆของเรานี่แหละ ลั่นชัตเตอร์ไปทั่ว |
เดินกลับห้องพัก ที่นี่มีป้ายบอกทางสีขาวไสตล์อังกฤษอยู่เต็มไปหมด |
เอาล่ะ ถึงเวลาพักผ่อนกันเสียที เดินกลับเข้าห้องพักแล้วก็ว่าจะอาบน้ำให้สดชื่นสักหน่อย
ว่าแล้วก็ขอแชะภาพห้องน้ำที่นี่มาให้ดู ออกแนวน่ารักๆ เป็นส่วนตัว น้ำยังใหลค่อยๆ น้ำไม่ใหลซู่ซ่าเข้าหน้าเหมือนรีสอร์ทที่อื่นๆที่ผมเคยพัก ผมว่าเค้าใส่ใจเลยแหละ ขนาดเรนชาวเวอร์ยังรู้สึกเลยว่ามันใหลพอดีๆ แต่ถ้าอยากจะอาบน้ำแบบสะใจ (เป็นยังไงวะเนี่ย) คุณคงอาจจะไม่ชอบ
การตกแต่งห้องน้ำอบอุ่นดีครับ กล่องใส่ทิชชู่ยังทำจากไม้โอ๊คเลย |
อาบน้ำเสร็จก็ขอตัวนอนเอาแรงก่อนละ ใช้มือถือกับไม้เซลฟี่คูลๆ ถ่ายรูปตัวเองซะหน่อย
555555
วันถัดมา ผมตื่นเช้ามาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพราะอยากจะสัมผัสอากาศบนภูเขาในช่วงเช้าๆ แต่พอเข้าห้องน้ำก็พบว่าตัวเองอึไม่ออก.........
เลยกว่าจะออกมาทาน American Breakfast ได้ก็ 7 โมงครึ่ง
หน้าสดกันเลยทีเดียว แต่ออกแนวสดใส ^_^ |
เลยกว่าจะออกมาทาน American Breakfast ได้ก็ 7 โมงครึ่ง
สาเหตุก็เพราะว่า ชา กับ กาแฟเมื่อวานนี่แหละ
ที่ทำเอาท้องไส้ผมผิดแปลกไป เลยไม่อ่งไม่อึมันละ
มุ่งหน้าไปกินอาหารเช้า นม น้ำผลไม้ ดีกว่า...............
บรรยากาศจากโต๊ะที่ผมนั่ง ไม่ได้ยืนเขย่งถ่าย ทำมุมอะไรเลย นี่คือนั่งถ่ายเล่นๆจากโต๊ะทานข้าวเลย อากาศดีมากครับ |
เมนูที่ผมชอบที่สุด คงเป็นไข่กระทะ ที่เครื่องจัดเต็มจริงๆ |
ที่นี่เมนูอาหารแต่ละวันเปลี่ยนนิดๆหน่อยๆ ถ้าพักซ้ำกันหลายๆวันอาจจะเบื่อได้ บางเมนูแบบเดียวกัน เช่นสปาเก๊ตตี้เส้นแบน แต่เช้าอีกวันนึงเปลี่ยนไปใช่เส้นแบบอื่น อาหารที่มีก็เพียงพอกับประชากรของที่นี่ ไม่ว่าพนักงานบริษัทจะมาพัก กันเป็นคณะ แต่ก็ยังดูไม่อึดอัด มีทั้งนั่งภายในร้านอาหารและนอกอาหารรับลมหนาวแบบที่ผมนั่งอยู่ ซึ่งแนะนำเลยว่าถ้ามีโต๊ะ พยายามตื่นเช้าอย่าให้เกิน 8 โมงมานั่งที่นี่จะแฮปปี้มาก ทั้งบรรยากาศ อาหารที่ทำใหม่ สด .........
|
หลังจากอิ่มเอมกับอาหารเช้าแบบ American Breakfast ปน British ซึ่งแปลกนะ ทุกอย่างมันเป็นบริติชหมดแต่อาหารเช้าดันเป็นแบบมะกัน คงเป็นเพราะหาง่ายกว่ากับวัตถุดิบ (แต่ผมว่ามันก็คล้ายๆกันแหละ) ที่ผมคิดไว้นึกว่าจะมีซุปหลายๆแบบ ไก่อบ, ขนมปังหวาน (sweet roll), porridge (คล้ายๆโจ๊คของอังกฤษ) แต่ก็ถือว่าครบเครื่องอาหารยุโรปอยู่นะ เพราะมี hash brown ของโปรดผมอยู่ด้วย อร่อยมากกกกกกกกกกกก จะเป็นลมแล้วจ้าาาาาา baked bean ก็มีครับ จะว่าไปมันก็บริติชแฮะ (เอาเป็นว่าก็กินไปเถอะ ของอร่อยทั้งน้าน)
ใครที่สงสัยว่าชาวยุโรปเค้าทานอาหารกันอย่างไร เป็นคอร์สไม่ใช่เหรอ
ลองศึกษาดูจากเวปไซต์นี้ครับ
ลองศึกษาดูจากเวปไซต์นี้ครับ
เพราะจริงๆแล้วอังกฤษแท้ๆ เขาทานกัน 6 มื้อเลยครับ ช่างเป็นประเทศที่เข้ากับเราจริงๆ
LINK1: การกินอาหารเช้าแบบอังกฤษ
..........................................
อื่มตื้อมากอะ จริงๆผมก็ทานกาแฟตอน having breakfast นะ แต่กลับมาห้องเจอบรรยากาศแบบนี้ เปิดหน้าต่างรับลม ชงกาแฟอีกดีกว่า (อึไม่ออกแล้วยังไม่เจียม) |
กาแฟหอมกรุ่นจากเครื่องชงกาแฟภายในห้อง |
เมื่อมองออกไปก็จะเจอบรรยากาศที่ฟิลกู๊ด สงบ เงียบ |
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จก็เลยออกมาเดินเล่นสักหน่อย เพื่อรับวิตามินจากแดด
รูปข้างบนนี่ผมไม่ได้แต่งอะไรเลยนะ ยกเว้นภาพดอกไม้ จะเห็นได้ว่าจะถ่ายภาพสวย สถานที่ก็มีส่วน!! (ยกมาจากตอนที่ 1) ผมว่าเค้าใส่ใจบรรยากาศมากๆเลยนะ ขนาดหลังบ้านพักอะ ซึ่งจริงๆไม่จำเป็นจะต้องมีอะไรก็ได้ แต่ก็ยังเป็นคูน้ำใหลรอบๆ และยังมีกำแพงกั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวอีก เหมาะกับการมาพักผ่อนเป็นที่สุดอะ คูลมาก ยกนิ้วให้